ประวัติตะกร้อ
ในการค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดประวัติตะกร้อ การกีฬาตะกร้อในอดีตนั้นยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้นกำเนิดจากที่ใดจากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผลดังนี้
ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อกัน ซึ่งทางพม่าเรียกว่า “ชิงลง”ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา (Sepak Raga) คำว่า Raga หมายถึง ตะกร้าทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า Sipakทางประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้ายกีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งจะศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งที่เดินทางไปตั้งรกรากในอเมริกาได้นำการเล่นตะกร้อขนไก่นี้ไปเผยแพร่ แต่เรียกว่าเตกโก (Tek K’au) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกขนไก่ประเทศเกาหลี ก็มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกต่างไป คือใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสำลีเอาหางไก่ฟ้าปักประเทศไทยก็นิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชนชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้านทักษะและความคิด
ขอคุณแหล่งที่มาบทความ http://iblog.siamhrm.com
กติกาเซปักตะกร้อใหม่ล่าสุด
กติกาเซปักตะกร้อ
ของสหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ (ISTAF)
- 1 -
กติกาเซปักตะกร้อ
Laws of the Game Sepaktakraw
ข้อที่ 1 สนามแข่งขัน ( THE COURT )
1.1 สนาม พื้นที่ของสนามมีความยาว
1.2 เส้นสนาม ขนาดของเส้นสนามทุกเส้นเป็นขอบเขตของสนามต้องไม่กว้างกว่า
1.3 เส้นกลาง มีขนาดความกว้างของเส้น
1.4 เส้นเสี้ยววงกลม ที่มุมสนามของแต่ละด้านตรงเส้นกลาง ให้จุดศูนย์กลางอยู่ที่กึ่งกลางของเส้นกลาง ตัดกับเส้นขอบนอกของเส้นข้าง เขียนเส้นเสี้ยววงกลมทั้งสองด้าน รัศมี 90 เซนติเมตร ให้ตีเส้นขนาดความกว้าง
1.5 วงกลมเสิร์ฟ ให้มีรัศมี
ข้อที่ 2 เสา ( THE POST )
2.1 เสามีความสูง1.55 เมตร สำหรับผู้ชาย และ
2.2 ตำแหน่งของเสา ให้ตั้งหรือวางไว้อย่างมั่นคงนอกสนามตรงกับแนวเส้นกลางห่างจาก เส้นข้าง 30 เซนติเมตร
ข้อที่ 3 ตาข่าย ( THE NET )
3.1 ตาข่ายให้ด้วยเชือกอย่างดีหรือไนล่อน มีรูตาข่ายขนาดกว้าง 6-
3.2 ตาข่าย เมื่อขึงตึงอยู่เหนือเส้นกลาง มีขนาดความกว้างของผืนตาข่าย 70 เซนติเมตร และความยาวไม่น้อยกว่า
3.3 แถบข้างตาข่าย ตรงปลายทั้งสองด้านของตาข่ายให้มีแถบขนาดความกว้าง 5 เซนติเมตร ติดตั้งตรงอยู่เหนือแนวเส้นข้างและถือเป็นส่วนหนึ่งของตาข่าย
3.4 ตาข่ายให้มีแถบขนาดความกว้าง
ความสูงของเสาได้
3.5 ความสูงของตาข่าย วัดจากพื้นถึงขอบบนของตาข่ายกึ่งกลางสนาม มีความสูง
หัวเสา มีความสูง
ข้อที่ 4 ลูกตะกร้อ ( THE SEPAKTAKRAW BALL )
4.1 ลูกตะกร้อแต่เดิมทำด้วยหวาย มีลักษณะเป็นลูกทรงกลม ปัจจุบันทำด้วยใยสังเคราะห์ ถักสานเป็นชั้นเดียว
4.2 ลูกตะกร้อที่ไม่ได้เคลือบด้วยยางสังเคราะห์ ต้องมีลักษณะดังนี้
4.2.1 มี 12 รู
4.2.2 มีจุดตัดไขว้ 20 จุด
4.2.3 มีขนาดของเส้นรอบวง 41 – 43 เซนติเมตร สำหรับผู้ชาย และ 42 –
4.2.4 มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 170 – 180 กรัม สำหรับผู้ชาย และ 150 -
4.3 ลูกตะกร้ออาจมีสีเดียวหรือหลายสีหรือใช้สีสะท้อนแสงก็ได้ แต่จะต้องไม่เป็นสีที่ทำให้ขีดความสามารถของผู้เล่นลดลง
4.4 ลูกตะกร้ออาจทำด้วยยางสังเคราะห์หรือเคลือบด้วยวัสดุนุ่มที่มีความคงทน เพื่อให้มีความอ่อนนุ่มต่อการกระทบกับร่างกายของผู้เล่น ลักษณะของวัสดุและวิธี
การผลิตลูกตะกร้อหรือการเคลือบลูกตะกร้อด้วยยางหรือวัสดุที่อ่อนนุ่มต้องได้รับการรับรองมาตรฐานจากสหพันธ์ ( ISTAF ) ก่อนการใช้ในการแข่งขัน
4.5 รายการแข่งขันระดับโลก, นานาชาติ และการแข่งขันระดับภูมิภาคที่ได้รับการรับรอง จากสหพันธ์ ( ISTAF ) รวมทั้งในการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์,
เวิลด์เกมส์, กีฬาเครือจักรภพ, เอเชี่ยนเกมส์ และซีเกมส์ ต้องใช้ลูกตะกร้อที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ ( ISTAF )
ข้อที่ 5 ผู้เล่น ( THE PLAYERS )
5.1 การแข่งขันมี 2 ทีม ประกอบด้วยผู้เล่นฝ่ายละ 3 คน
5.2 ผู้เล่นคนหนึ่งในสามคนจะเป็นผู้เสิร์ฟและอยู่ด้านหลัง เรียกว่า“ เตกอง หรือ ผู้เสิร์ฟ” ( TEKONG OR SERVER )
5.3 ผู้เล่นอีกสองคนอยู่ด้านหน้า โดยคนหนึ่งจะอยู่ด้านซ้ายและอีกคนหนึ่งจะอยู่ด้านขวา คนที่อยู่ด้านซ้าย เรียกว่า “ หน้าซ้าย “ ( LEFT INSIDE ) และคนที่อยู่
หน้าขวา เรียกว่า “ หน้าขวา “ ( RIGHT INSIDE )
ข้อที่ 6 เครื่องแต่งกายของผู้เล่น ( THE PLAYER’S ATTIRE )
5.4 ประเภททีมชุด
5.4.1 แต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่นอย่างน้อย 9 คน และไม่เกิน 12 คน ( 3 ทีม ผู้เล่นทีมละ3 คน สำรอง 3 คน ) ผู้เล่นแต่ละคนต้องลงทะเบียนเพื่อเข้า
ร่วมการแข่งขันทุกครั้ง แต่ละทีมจะมีผู้เล่นที่ลงทะเบียนเป็นผู้เล่นสำรอง ได้ไม่เกิน 3 คน และอนุญาตให้ผู้เล่นสำรอง เปลี่ยนตัวลงแข่งขันได้ได้เพียงทีม
ใดทีมหนึ่งเท่านั้น
5.4.2 ก่อนการแข่งขัน แต่ละทีมต้องมีผู้เล่นที่ขึ้นทะเบียนอย่างน้อย 9 คน พร้อมที่จะลงแข่งขันในสนามแข่งขัน
5.4.3 ทีมใดมีผู้เล่นน้อยกว่า 9 คน จะไม่อนุญาตให้เข้าแข่งขัน และถือว่าถูกปรับเป็นแพ้ในการแข่งขัน
5.5 ประเภททีมเดี่ยว
5.5.1 แต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่นอย่างน้อย 3 คน และไม่เกิน 5 คน ( 1 ทีม มีผู้เล่น 3 คน สำรอง 2 คน ) ผู้เล่นทุกคนต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการ
แข่งขันทุกครั้ง
5.5.2 ก่อนการแข่งขัน แต่ละทีมต้องมีผู้เล่นที่ขึ้นทะเบียนอย่างน้อย 3 คน พร้อมที่จะลงแข่งขันในสนามแข่งขัน
5.5.3 ในระหว่างการแข่งขัน ทีมใดมีผู้เล่นน้อยกว่า 3 คนในสนามแข่งขัน จะไม่อนุญาตให้ทำการแข่งขัน และถูกปรับเป็นฝ่ายแพ้ในการแข่งขัน
ข้อที่ 6. เครื่องแต่งกายของผู้เล่น ( PLAYER’S ATTIRE )
6.1 อุปกรณ์ที่ผู้เล่นใช้ต้องเหมาะสมกับการเล่นเซปักตะกร้อ อุปกรณ์ใดที่ออกแบบเพื่อเพิ่ม หรือลดความเร็วของลูกตะกร้อ เพิ่มความสูงของผู้เล่นหรือการเคลื่อนไหว
หรือให้เกิดความได้เปรียบใด ๆ หรืออาจเป็นอันตรายต่อตัวผู้เล่นและคู่แข่งขัน จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้
6.2 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนหรือเกิดการขัดแย้งโดยไม่จำเป็นทั้งสองทีม ทีมที่เข้าแข่งขัน ต้องใช้เสื้อสีต่างกัน
6.3 แต่ละทีมต้องมีชุดแข่งขันอย่างน้อย 2 ชุด เป็นสีอ่อนและสีเข้ม หากทั้งสองทีมที่เข้าร่วมการ แข่งขันใช้เสื้อสีเดียวกัน ทีมเจ้าบ้านต้องเปลี่ยนสีเสื้อทีม ในกรณี
สนามกลางทีมที่มีชื่อแรกในโปรแกรมการแข่งขันต้องเปลี่ยนสีเสื้อทีม
6.4 เครื่องแต่งกายของผู้เล่นประกอบด้วย เสื้อยืดคอปกหรือ คอกลมแขนสั้น กางเกงขาสั้น ถุงเท้าและรองเท้าพื้นยางไม่มีส้น ส่วนต่าง ๆ ของเครื่องแต่งกายของผู้
เล่นถือเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย และชายเสื้อต้องอยู่ในกางเกงตลอดเวลา ในกรณีที่อากาศหนาว อนุญาตให้ผู้เล่นสวมชุดวอร์มทำการแข่งขัน
6.5 เสื้อของผู้เล่นทุกคนจะต้องติดหมายเลขทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และผู้เล่นแต่ละคนต้องใช้หมายเลขประจำนั้นตลอดการแข่งขัน ให้แต่ละทีมใช้หมายเลข 1-
36 เท่านั้น สำหรับขนาดของหมายเลข ด้านหลังสูงไม่น้อยกว่า
เล่นอยู่เหนือหมายเลขด้านหลังเสื้อ และมีขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากทางโทรทัศน์ เสื้อทีมอาจมีสัญลักษณ์ของผู้สนับสนุนที่ด้านหน้าของเสื้อทีม
โดยให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของการแข่งขัน ห้ามไม่ให้มีตราสัญลักษณ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่สัญลักษณ์ของผู้ผลิตเสื้อปรากฏอยู่บนเสื้อของผู้เล่นโดยเด็ดขาด
6.6 หัวหน้าทีมต้องสวมปลอกแขนที่ด้านซ้ายของแขนเสื้อ และให้สีต่างจากสีเสื้อของผู้เล่น
6.7 เครื่องแต่งกายอื่นใดที่ไม่ได้ระบุไว้ในกติกานี้ ต้องได้รับการรับรองจากกรรมการเทคนิคของสหพันธ์ ( ISTAF ) ก่อน
ข้อที่ 7 การเปลี่ยนตัวผู้เล่น ( SUBSTITUTION )
7.1 ในทีมชุด ผู้เล่นแค่ละคนที่ลงแข่งขันในทีมใดแล้ว จะไม่มีการแข่งขันซ้ำในทีมอื่นอีก
7.2 การเปลี่ยนตัวผู้เล่นจะกระทำในเวลาใดก็ได้ โดยผู้จัดการทีมยื่นขอต่อ กรรมการผู้ชี้ขาด( Official Referee ) เมื่อลูกตะกร้อไม่ได้อยู่ในการเล่น
7.3 ประเภททีมเดี่ยว ในการแข่งขันแต่ละครั้งให้แต่ละทีมมีผู้เล่นสำรองได้ไม่เกิน 2 คน นอกเหนือจากผู้เล่น 3 คนที่เริ่มเล่นในสนามและสามารถทำการเปลี่ยนตัว
ได้ไม่เกิน 2 ครั้งในแต่ละเซ็ท
ประเภททีมชุด ในการแข่งขันแต่ละครั้ง ให้แต่ละทีมเดี่ยวเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองได้ ไม่เกิน 1 คน นอกเหนือจากผู้เล่น 3 คนที่เริ่มเล่นในสนามและสามารถ
ทำการ เปลี่ยนตัวได้ ไม่เกิน 2 ครั้งในแต่ละเซ็ท การเปลี่ยนตัวทุกครั้งให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการประจำสนาม ( Court Referee ) และให้
กระทำที่ด้านข้างของสนาม โดยให้อยู่ในสายตาของ ผู้ตัดสิน ( Match Referee ) การเปลี่ยนตัวสามารถกระทำได้ในระหว่างการแข่งขัน เมื่อลูกตะกร้อไม่ได้
อยู่ใน การเล่น หรือในทันทีที่เริ่มการแข่งขันในแต่ละเซ็ท การเปลี่ยนตัวสามารถเปลี่ยนตัวได้ 1 คนหรือ 2 คนพร้อมกันในเวลาเดียวกัน สำหรับประเภททีมเดี่ยว
เท่านั้น ก่อนการแข่งขันในเซ็ทใหม่ ทีมใดมีการเปลี่ยนตัวในการพักระหว่างเซ็ทให้ถือเป็น การเปลี่ยนตัวในเซ็ทใหม่
7.4 ถ้ามีผู้เล่นเกิดการบาดเจ็บและไม่สามารถทำการแข่งขันต่อไปได้ อนุญาตให้ ทีมนั้น ทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นถ้ายังไม่ได้ใช้สิทธิในการเปลี่ยนตัว แต่ถ้ามีการ
เปลี่ยนตัวครบ 2 ครั้งในเซ็ทนั้นแล้ว การแข่งขันจะยุติลงและทีมดังกล่าวจะถูกปรับให้เป็นแพ้ในการแข่งขัน
7.5 ถ้าผู้เล่นได้รับบัตรแดง จะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขัน อนุญาตให้ทีมนั้น ทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ถ้ายังไม่ได้ใช้สิทธิในการเปลี่ยนตัว แต่ถ้ามีการเปลี่ยน
ตัวผู้เล่น ครบ 2 ครั้งในเซ็ทนั้นแล้ว การแข่งขันจะยุติลงและทีม’ดังกล่าวจะถูกปรับให้เป็นแพ้ ในการแข่งขัน
7.6 มีผู้เล่นน้อยกว่า 3 คน การแข่งขันจะยุติลง และทีมดังกล่าวจะถูกปรับให้เป็นแพ้ในการแข่งขัน
ข้อที่ 8 การเสี่ยงและการอบอุ่นร่างกาย ( THE TOSS OF COIN AND WARM UP )
8.1 ก่อนเริ่มการแข่งขัน กรรมการประจำสนาม ( Court Referee ) จะทำการเสี่ยงโดยใช้ เหรียญหรือวัตถุกลมแบน ต่อหน้าหัวหน้าทีม ฝ่ายที่ชนะการเสี่ยงจะ
ได้สิทธิ์เลือก “แดน” หรือเลือก “เสิร์ฟ” ผู้แพ้การเสี่ยงต้อง เลือกสิทธิที่เหลือ และทั้งสองทีมต้อง ปฏิบัติตามคำสั่งของกรรมการประจำสนาม (Court
Referee )
8.2 ทีมที่ชนะการเสี่ยงจะต้องอบอุ่นร่างกายก่อนเป็นระยะเวลา 2 นาที ในสนามด้วยลูกตะกร้อที่ใช้ในการแข่งขัน และตามด้วยทีมที่แพ้การเสี่ยง โดยอนุญาตให้มี
บุคคลในสนาม 5 คนเท่านั้น
ข้อที่ 9 ตำแหน่งของผู้เล่นระหว่างการส่งลูก ( POSITION OF PLAYERS DURING SERVICE )
9.1 เมื่อเริ่มเล่น ผู้เล่นทั้งสองทีม ต้องยืนอยู่ในที่ที่กำหนดไว้ในแดนของตนในลักษณะเตรียมพร้อม
9.2 เตกองหรือผู้เสิร์ฟ ต้องวางเท้าข้างหนึ่งอยู่ในวงกลมเสิร์ฟ
9.3 ผู้เล่นด้านหน้าทั้งสองคนของฝ่ายเสิร์ฟต้องยืนในเสี้ยววงกลมของตนเอง
9.4 ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายรับ จะยืนอยู่ที่ใดก็ได้ในแดนของตนเอง
ข้อที่ 10 การเริ่มเล่นและการส่งลูก ( THE START OF PLAY AND SERVICE )
10.1 การแข่งขันจะถูกดำเนินการโดยผู้ตัดสิน ( Match Referee ) หนึ่งคนโดยอยู่ในตำแหน่งด้านหนึ่งของปลายตาข่าย ผู้ช่วยผู้ตัดสิน( Assistant Match
Referee ) หนึ่งคน อยู่ตรงกันข้ามกับผู้ตัดสิน กรรมการประจำสนาม (Court Referee )หนึ่งคนอยู่ด้านหลังผู้ตัดสิน ผู้กำกับเส้น ( Linesman ) สองคน
โดยคนหนึ่งอยู่ทางเส้นข้างด้านขวามือของผู้ตัดสิน และอีกคนหนึ่ง อยู่ทางเส้นข้างด้านขวามือของผู้ช่วยผู้ตัดสิน ผู้ตัดสินจะได้รับความช่วยเหลือจาก
กรรมการผู้ชี้ขาด ( Official Referee ) ที่อยู่นอก สนาม ทีมที่ได้เสิร์ฟก่อนจะเสิร์ฟติดต่อกัน 3 ครั้ง ในขณะที่อีกทีมหนึ่งก็จะได้สิทธิ์ การเสิร์ฟในลักษณะ
เดียวกัน หลังจากนั้นให้สลับกันเสิร์ฟทุก ๆ 3 คะแนน ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้คะแนนหรือเสีย คะแนน การดิวส์ เมื่อทั้งสองทีมทำคะแนนได้เท่ากันที่ 14 - 14
การเสิร์ฟจะสลับกัน ทุกคะแนน ทีมที่เป็นฝ่ายรับจากการเริ่มเล่นในเซ็ทใดก็ตาม จะเป็นฝ่ายเริ่มเสิร์ฟก่อน ในเซ็ทต่อไป และจะต้องเปลี่ยนแดนก่อนเริ่มการ
แข่งขันในแต่ละเซ็ท
10.2 ผู้ส่งลูกต้องโยนลูกตะกร้อเมื่อผู้ตัดสินขานคะแนน หากผู้ส่งลูกโยนลูกตะกร้อก่อนที่ ผู้ตัดสินขานคะแนน ผู้ตัดสินต้องตักเตือนและให้โยนใหม่ หากกระทำซ้ำ
ดังที่กล่าวอีกจะตัดสินว่า “เสีย” ( Fault )
10.3 ระหว่างการเสิร์ฟ ทันทีที่เตกองหรือผู้เสิร์ฟเตะลูกตะกร้อ จะอนุญาตให้ผู้เล่นทุกคนเคลื่อนที่ได้ในแดนของตน
10.4 การเสิร์ฟที่ถูกต้องคือลูกตะกร้อจะต้องข้ามตาข่าย ไม่ว่าลูกตะกร้อนั้นจะสัมผัสตาข่ายหรือไม่ก็ตาม และได้ตกลงในแดนหรือขอบเขตของสนามฝ่ายตรงข้าม
10.5 ในระบบการแข่งขันแบบแพ้คัดออก ไม่จำเป็นต้องแข่งขันในทีมที่ 3 เมื่อมีผลการแช่งชัน แพ้ – ชนะเกิดขึ้นแล้ว
10.6 ในระบบการแข่งขันแบบพบกันหมด ถือเป็นข้อบังคับสำหรับทุกทีมต้องแข่งขัน ครบทั้ง 3 ทีม
ข้อที่ 11 การผิดกติกา (FAULTS)
11.1 ผู้เล่นฝ่ายเสิร์ฟ ระหว่างการเสิร์ฟลูก ( The Serving Side During Service )
11.1.1 ภายหลังจากที่ผู้ตัดสินขานคะแนนแล้ว ผู้เล่นหน้าที่ทำหน้าที่โยนลูกกระทำ อย่างหนึ่งอย่างใดกับลูกตะกร้อ เช่น โยนลูกเล่น เคาะลูกเล่น โยนลูกให้ผู้
เล่นหน้าอีกคนหนึ่ง เป็นต้น
11.1.2 ผู้เล่นหน้าคนใด ยกเท้าหรือเหยียบเส้นข้าง หรือเส้นกลาง หรือข้ามเส้น หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายสัมผัสตาข่ายขณะที่โยนส่งลูก
11.1.3 เตกองหรือผู้เสิร์ฟ กระโดดเสิร์ฟในขณะเตะส่งลูก หรือเท้าหลักที่แตะพื้นเหยียบ เส้นวงกลมก่อนและระหว่างการส่งลูก
11.1.4 เตกองหรือผู้เสิร์ฟ ไม่ได้เตะลูกที่ผู้โยน โยนไปให้เพื่อการเสิร์ฟ
11.1.5 ลูกตะกร้อถูกผู้เล่นคนอื่นภายในทีมก่อนข้ามไปยังพื้นที่ฝ่ายตรงข้าม
11.1.6 ลูกตะกร้อข้ามตาข่ายแต่ตกลงนอกเขตสนาม
11.1.7 ลูกตะกร้อไม่ข้ามไปยังฝ่ายตรงข้าม
11.1.8 ผู้เล่นใช้มือข้างหนึ่งข้างใดหรือทั้งสองข้าง หรือส่วนอื่นของแขนเพื่อช่วยในการ เตะลูก แม้มือหรือแขนไม่ได้สัมผัสลูกตะกร้อโดยตรง แต่สัมผัสสิ่งหนึ่ง
สิ่งใดในขณะกระทำการดังกล่าว
11.1.9 ผู้ส่งลูกโยนลูกตะกร้อก่อนที่กรรมการผู้ตัดสินขานคะแนน เป็นครั้งที่สอง หรือครั้งต่อไปในการแข่งขัน
11.2 ฝ่ายเสิร์ฟและฝ่ายรับในระหว่างการเสิร์ฟ( Serving And Reciving Side During Service )
11.2.1 กระทำการในลักษณะทำให้เสียสมาธิ หรือส่งเสียงรบกวน หรือตะโกนไปยังฝ่ายตรงข้าม
11.3 สำหรับผู้เล่นทั้งสองฝ่ายระหว่างการแข่งขัน ( For Both Side During The Game )
11.3.1 ผู้เล่นสัมผัสลูกตะกร้อในแดนฝ่ายตรงข้าม
11.3.2 ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายผู้เล่นล้ำไปในแดนฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นด้านบน หรือด้านล่างของตาข่าย ยกเว้นระหว่างการเล่นลูกต่อเนื่อง
( Follow Through )
11.3.3 เล่นลูกเกิน 3 ครั้งติดต่อกัน
11.3.4 ลูกตะกร้อสัมผัสแขน
11.3.5 หยุดลูกหรือยึดลูกตะกร้อไว้ใต้แขน หรือระหว่างขาหรือร่างกาย
11.3.6 ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายผู้เล่นหรืออุปกรณ์ เช่น รองเท้า, เสื้อ, ผ้าพันศีรษะ สัมผัสตาข่ายหรือเสาตาข่าย หรือเก้าอี้กรรมการผู้ตัดสิน หรือตกลงใน
แดนฝ่ายตรงข้าม
11.3.7 ลูกตะกร้อถูกเพดาน, หลังคา ผนัง หรือวัตถุสิ่งกีดขวางอื่นใด
11.3.8 ผู้เล่นคนใดใช้อุปกรณ์หรือสิ่งกีดขวางภายนอกอื่นใดเพื่อช่วยในการเตะ
ข้อที่ 12 การนับคะแนน ( SCORING SYSTEM )
12.1 ผู้เล่นฝ่ายเสิร์ฟหรือฝ่ายรับทำผิดกติกา ( Fault ) ฝ่ายตรงข้ามจะได้คะแนน
12.2 การชนะในแต่ละเซ็ทผู้ชนะต้องทำคะแนนได้ 15 คะแนน จึงจะถือว่าชนะในการแข่งขันครั้งนั้น ในกรณีแต่ละทีมมีคะแนนเท่ากัน 14 – 14 ผู้ชนะต้องมี
คะแนนนำที่ต่างกัน 2 คะแนน และสูงสุดไม่เกิน 17 คะแนน เมื่อคะแนนเท่ากัน 14 –14 ผู้ตัดสินต้องขานว่า “ดิวส์คู่ไม่เกิน 17 คะแนน”
( Setting up to 17 points )
12.3 ประเภททีมเดี่ยว การแข่งขัน ต้องชนะกัน 3 ใน 5 เซ็ท มีการพักระหว่างเซ็ท 2 นาที และเรียกแต่ละเซ็ทว่า เซ็ทที่หนึ่ง เซ็ทที่สอง เซ็ทที่สาม เซ็ทที่สี่
และเซ็ทที่ห้า
ประเภททีมชุด การแข่งขันต้องชนะกัน 2 ใน 3 เซ็ท มีการพักระหว่างเซ็ท 2 นาที และเรียกแต่ละเซ็ทว่า เซ็ทที่หนึ่ง เซ็ทที่สอง และเซ็ทที่สาม
12.4 ก่อนเริ่มการแข่งขันในเซ็ทที่ห้า ในประเภททีมเดี่ยวและเซ็ทที่สาม ในประเภททีมชุด ให้ผู้ตัดสิน กระทำการเสี่ยง โดยใช้เหรียญหรือวัตถุกลมแบน
ฝ่ายที่ชนะการเสี่ยงจะเป็นฝ่ายที่เริ่มเสิร์ฟก่อน เมื่อทีมใดทีมหนึ่งทำคะแนนได้ ถึง 8 คะแนน จะต้องทำการเปลี่ยนแดน
ข้อที่ 13 การขอเวลานอก ( TIME - OUT )
13.1 แต่ละทีมสามารถขอเวลานอกได้ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 นาที ต่อเซ็ท การขอเวลานอกให้ขอโดยผู้จัดการทีมหรือผู้ฝึกสอน เมื่อลูกตะกร้อไม่ได้อยู่ใน การเล่น
ระหว่างการพักเวลานอก ประเภททีมเดี่ยว จะอนุญาตให้มีผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ทีมอยู่นอกสนามบริเวณเส้นหลังจำนวน 5 คน ประเภททีมชุด จะอนุญาตให้มี
ผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ทีมอยู่นอกสนามบริเวณเส้นหลังจำนวน 6 คน
13.2 ประเภททีมเดี่ยวบุคคลทั้ง 5 คน ประกอบด้วย ผู้เล่น 3 คน และบุคคลที่แต่งกายแตกต่าง จากนักกีฬาอีก 2 คน ประเภททีมชุดบุคคลทั้ง 6 คน ประกอบด้วย
ผู้เล่น 3 คน และบุคคล ที่แต่งกายแตกต่างจากนักกีฬาอีก 3 คน
ข้อที่ 14 การหยุดการแข่งขันชั่วคราว ( TEMPORARY SUSPENSION OF PLAY )
14.1 กรรมการผู้ตัดสิน สามารถหยุดการแข่งขันชั่วคราว เมื่อผู้เล่นบาดเจ็บและ ต้องการ การปฐมพยาบาล โดยให้เวลาไม่เกิน 5 นาที สำหรับแต่ละทีม
14.2 นักกีฬาที่บาดเจ็บจะได้รับการพักไม่เกิน 5 นาที หลังจาก 5 นาทีแล้ว นักกีฬาไม่ สามารถทำการแข่งขันต่อไปได้ ต้องมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น แต่ถ้าทีมที่มี
นักกีฬาบาดเจ็บ ได้มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นไปแล้ว ตามกติกาข้อ 7. 4 การแข่งขันจะประกาศให้ทีมตรงข้าม เป็นฝ่ายชนะในการแข่งขันครั้งนั้น
14.3 ในกรณีที่มีการขัดขวาง รบกวนการแข่งขัน หรือสาเหตุอื่นใด กรรมการผู้ชี้ขาดเท่านั้นที่จะ เป็นผู้พิจารณาหยุดการแข่งขัน โดยหารือกับคณะกรรมการจัดการ
แข่งขัน
14.4 ในการหยุดการแข่งขันชั่วคราว ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นทุกคนออกจากสนาม และไม่อนุญาต ให้ดื่มน้ำหรือได้รับความช่วยเหลือใด ๆ
ข้อที่ 15 วินัยและมารยาทในการแข่งขัน ( DISCIPLINE )
15.1 ผู้เล่นทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกติกาการแข่งขัน
15.2 ในระหว่างการแข่งขันจะอนุญาตให้หัวหน้าทีมเท่านั้นที่จะเป็นผู้ติดต่อกับกรรมการผู้ตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตนเอง หรือเรื่องที่เกี่ยวกับผู้เล่นในทีม
หรือเรื่องต้องการซักถามเพื่อขอคำอธิบายในการตัดสินของกรรมการผู้ตัดสิน ซึ่งกรรมการผู้ตัดสินต้องอธิบายหรือชี้แจงตามที่หัวหน้าทีมซักถาม
15.3 ผู้จัดการทีม, ผู้ฝึกสอน, นักกีฬา และเจ้าหน้าที่ประจำทีม จะไม่ได้รับอนุญาตให้ประท้วงต่อการตัดสินของกรรมการผู้ตัดสินในระหว่างการแข่งขัน หรือแสดง
ปฏิกิริยาที่จะเป็น ผลเสียต่อการแข่งขัน หากมีการกระทำดังกล่าวถือเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ข้อที่ 16 การลงโทษ ( PENALTY )
การทำผิดกติกาและผิดวินัยจะมีการลงโทษดังนี้ :-
การลงโทษทางวินัย
16.1 การตักเตือน
ผู้เล่นที่ถูกตักเตือนและได้รับบัตรเหลือง หากมีความผิดข้อหนึ่งข้อใดใน 6 ประการ ดังนี้
16.1.1 กระทำผิดในลักษณะที่ไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา โดยแสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ถูกต้องตามมรรยาทการเป็นนักกีฬาที่ดี ซึ่งพิจารณาได้ว่าการ
กระทำนั้นอาจทำให้ เกิดผลที่เป็นอันตรายต่อการแข่งขันได้
16.1.2 แสดงกิริยาและวาจาที่ไม่สุภาพ
16.1.3 กระทำผิดกติกาการแข่งขันบ่อย ๆ
16.1.4 ถ่วงเวลาการแข่งขัน
16.1.5 เข้าหรือออกสนาม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรรมการผู้ตัดสิน
16.1.6 เจตนาเดินออกไปจากสนาม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรรมการผู้ตัดสิน
16.2 ความผิดที่ถูกให้ออกจาการแข่งขัน
ผู้เล่นจะถูกให้ออกจากการแข่งขันและได้รับบัตรแดง หากมีความผิดข้อใดข้อหนึ่งใน 5 ประการ ดังนี้
16.2.1 กระทำผิดกติกาอย่างร้ายแรง
16.2.2 ประพฤติผิดร้ายแรง โดยเจตนาทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บ
16.2.3 ถ่มน้ำลายใส่ฝ่ายตรงข้ามหรือผู้อื่น
16.2.4 มีปฏิกิริยาหยาบคายหรือใช้วาจาหยาบคายหรือดูถูกฝ่ายตรงข้าม
16.2.5 ถูกตักเตือนและได้รับบัตรเหลืองเป็นครั้งที่ 2 ในการแข่งขันครั้งนั้น
16.3 ผู้เล่นที่ถูกตักเตือนและได้รับบัตรเหลืองหรือให้ออกจากการแข่งขัน ไม่ว่าจะ เป็นความผิดทั้งในและนอกสนามแข่งขันที่กระทำต่อฝ่ายตรง
ข้าม เพื่อนร่วมทีมกรรมการผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน หรือบุคคลอื่น ๆ ให้พิจารณาโทษทางวินัย ดังนี้ -
16.3.1 ได้รับบัตรเหลืองใบแรก
บทลงโทษ : ตักเตือน
16.3.2 ได้รับบัตรเหลืองใบที่สอง ในผู้เล่นคนเดิมในเกมการแข่งขันต่างเกม แต่เป็นรายการแข่งขันเดียวกัน
บทลงโทษ : พักการแข่งขัน 1 ครั้ง
16.3.3 ได้รับบัตรเหลืองใบที่สาม หลังจากพักการแข่งขัน เพราะได้รับบัตรเหลือง 2 ใบ ในรายการแข่งขันเดียวกันและในผู้เล่นคนเดิม
บทลงโทษ : พักการแข่งขัน 2 เกม
: ปรับเป็นเงิน 100 เหรียญสหรัฐอเมริกา โดยสโมสรหรือ บุคคลที่ผู้เล่นสังกัดเป็นผู้รับผิดชอบ
16.3.4 ได้รับบัตรเหลืองใบที่สี่
ได้รับบัตรเหลือง หลังจากต้องพักการแข่งขัน 2 ครั้ง จากการที่ได้รับ บัตรเหลืองใบที่สามในรายการแข่งขันเดียวกันและในผู้เล่นคนเดิม
บทลงโทษ : ให้พักการแข่งขันในเกมต่อไป และในรายการแข่งขันที่รับรองโดยองค์กรกีฬาตะกร้อ ที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะได้รับ
การพิจารณาจากคณะกรรมการวินัยในเรื่องดังกล่าว
16.3.5 ได้รับบัตรเหลือง 2 ใบ ในผู้เล่นคนเดียวกันและในเกมแข่งขันเดียวกัน
บทลงโทษ : พักการแข่งขัน 2 เกม
: ปรับเป็นเงิน 100 เหรียญสหรัฐอเมริกา โดยสโมสรหรือบุคคล ที่ผู้เล่นสังกัดเป็นผู้รับผิดชอบ
: ได้รับบัตรแดงในกรณีทำผิดวินัย หรือกระทำผิดกติกาในการแข่งขัน เกมอื่น ซึ่งอยู่ในรายการแข่งขันเดียวกัน
16.4 ผู้เล่นที่กระทำผิดและถูกให้ออกจากการแข่งขัน ไม่ว่าจะกระทำในสนามหรือนอกสนามแข่งขัน ซึ่งกระทำผิดต่อฝ่ายตรงข้าม, เพื่อนร่วมทีม, ผู้ตัดสิน, ผู้ช่วยผู้ตัดสินหรือบุคคลอื่น โดยได้รับบัตรแดงจะได้รับพิจารณาโทษดังนี้ : -
16.4.1 ได้รับบัตรแดง
บทลงโทษ : ให้ไล่ออกจากการแข่งขันและพักการแข่งขันในทุกรายการแข่งขันที่ รับรองจากองค์กรที่กำกับดูแลกีฬาเซปักตะกร้อ จนกว่าคณะกรรมการวินัยจะ
มีการประชุม และพิจารณาในเรื่องดังกล่าว
ข้อ 17 ความผิดของเจ้าหน้าที่ทีม ( MISCONDUCT OF TEAM OFFICIALS )
17.1 กฎระเบียบด้านวินัย จะใช้กับเจ้าหน้าที่ประจำทีมในกรณีที่ทำผิดวินัยหรือรบกวน คณะกรรมการในระหว่างการแข่งขันทั้งภายในและภายนอกสนาม
แข่งขัน
17.2 เจ้าหน้าที่ประจำทีม ผู้ใดประพฤติไม่สมควรหรือกระทำการรบกวนการแข่งขัน จะถูกเชิญออกจากบริเวณสนามแข่งขัน โดยเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน หรือ
กรรมการผู้ชี้ขาด และจะถูก พักการปฏิบัติหน้าที่ภายในทีมจนกว่าคณะกรรมการทางวินัยจะมีการประชุมเพื่อพิจารณา ตัดสินปัญหาดังกล่าวแล้ว
ข้อ 18 บททั่วไป ( GENERAL )
18.1 ในการแข่งขันหากมีปัญหาหรือเรื่องราวใด ๆ เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้กำหนดหรือระบุไว้ในกติกาการแข่งขัน ให้ถือการตัดสินของกรรมการผู้ชี้ขาดเป็นที่สิ้นสุด
กติกานี้ได้รับความเห็นชอบจากการประชุมของสหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ
( ISTAF) เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2554 ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
คณะผู้แปลและเรียบเรียง
ดร.เฉลิม ชัยวัชราภรณ์
นายธนวัฒน์ ประสงค์เจริญ
นายชวลิต จิรายุกุล
นายวีระพล นาคะประวิง
ขอบคุณแหล่งที่มาบทความ
act.chs.ac.th/wordpress/wp-content/.../กติกาเซปักตะกร้อ2554.doc
ความคิดเห็น